อยากติดตั้ง EV Charger ที่บ้านต้องรู้อะไรบ้าง ? ใช้งบเท่าไหร่ ?

ตอนนี้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลายคนจึงหันมาขับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เมื่อมีรถยนต์ไฟฟ้าเป็นของตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องมีก็คือ EV Charger ซึ่งจะมีอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ หรือติดตั้ง EV Charger ไว้ที่บ้านก็ได้ หากใครต้องการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านเพื่อความสะดวกสบาย ต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง เตรียมตัวอย่างไร และใช้งบทั้งหมดเท่าไหร่ Excellent Solar ได้สรุปเอาไว้ให้แล้ว ดังนี้

ทำความรู้จักกับ EV Charger

EV Charger คืออุปกรณ์สำหรับชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้รถยนต์ไฟฟ้าพร้อมใช้งานอีกครั้ง โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบตามลักษณะการใช้งานและความต้องการของผู้ใช้งาน คือ
1. AC Charging (Normal Charging) เป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับที่ 240V จากนั้น On-Board Charger ที่อยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าจะแปลงไฟฟ้าให้เป็นกระแสตรงอีกที โดยใช้เวลาในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 4-9 ชั่วโมง จะพบตู้ชาร์จแบบ AC ได้ตามบ้าน โรงแรม และห้าง
2. DC Charging (Fast Charging) เป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรงไปยังแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง จึงใช้เวลาชาร์จน้อยกว่า และยังชาร์จไฟฟ้าได้เยอะมากภายในเวลา 20-30 นาที จะพบตู้ชาร์จแบบ DC ได้ตามปั๊มน้ำมัน หรือ ศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้า

ส่วนประกอบของ EV Charger

EV Charger ประกอบด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อส่งไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานไปยังแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย
• ตู้ชาร์จ หรือ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า  : แหล่งพลังงานหลักในการส่งไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
• อุปกรณ์ควบคุมพลังงานไฟฟ้า : อุปกรณ์ควบคุมระบบจ่ายไฟฟ้า เพื่อป้องกันการชาร์จไฟเกินขนาด
• สายชาร์จ : สายส่งที่เชื่อมต่อตู้ชาร์จเข้าไปรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งพลังงานไปยังแบตเตอรี่
• หัวชาร์จ : ขั้วต่อที่ติดอยู่ที่ปลายสายชาร์จและเสียบเข้าไปกับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีหัวชาร์จหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับระบบการชาร์จที่ใช้

ก่อนติดตั้ง EV Charger ต้องเช็กอะไรในบ้านบ้าง

อันดับแรกจะต้องตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านแต่ละชิ้นก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหลังการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน โดยมีสิ่งที่ต้องตรวจสอบ ดังนี้
1. ขนาดมิเตอร์ : มิเตอร์ทั่วไปจะเป็นแบบ Single-Phase 15(45) A (มิเตอร์ 15 แอมแปร์ ที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ถึง 45 แอมแปร์) หากมีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้าน จะใช้กำลังไฟฟ้าสูงถึง 32 แอมแปร์ ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาไฟตก ควรเปลี่ยนมิเตอร์ใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น Single-Phase 30(100) A หรือ 3-Phase 15(45) A
2. สายไฟเมนในบ้าน : ควรปรับสายเมนใหม่จากเดิมที่ใช้ขนาด 16 ตร.มม. ให้เป็นขนาด 25 ตร.มม. หรือขนาดที่ใหญ่กว่า
3. ตู้ควบคุมไฟฟ้า (Main Circuit Breaker) : ควรใช้ตู้ควบคุมไฟฟ้าที่สามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 100 แอมแปร์ และภายในตู้ควรเหลือช่องว่างให้ติดตั้ง Circuit Breaker สำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแยกออกมา 1 ช่อง หรือจะสร้างตู้ควบคุมแยกก็ได้
4. เครื่องตัดไฟรั่ว : ตามบ้านและอาคารทั่วไปจะใช้เครื่องตัดไฟฟ้าแบบ Miniature Circuit Breakers (MCBs) แต่เมื่อมีการติดตั้ง EV Charger เพื่อชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้าน ควรเปลี่ยนมาใช้เครื่องตัดไฟแบบ Residual Current Devices (RCDs) Type B หรือเทียบเท่า เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และไฟรั่วระหว่างการชาร์จ
5. หัวชาร์จ : ควรเช็กรูปแบบของหัวชาร์จอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า มักจะใช้รูปแบบหัวชาร์จที่ต่างกัน

ตำแหน่งการติดตั้ง EV Charger ในบ้าน

อันดับแรกจะต้องสำรวจก่อนว่า ตำแหน่งที่มักจะจอดรถบ่อย ๆ นั้น มีพื้นที่เพียงพอต่อการเดินสายและติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าหรือไม่ จากนั้นเลือกจุดที่จะติดตั้ง EV Charger ที่เหมาะสม ซึ่งควรมีระยะห่างจากตัวรถไม่เกิน 5 เมตร เนื่องจากสายชาร์จจะมีความยาวตามมาตรฐานอยู่ที่ 5-7 เมตรเท่านั้น และมีหลังคาปกคลุมเพื่อป้องกันละอองฝนและแสงแดด

การติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน ต้องใช้งบเท่าไหร่ ?

1. ค่าติดตั้ง EV Charger ขึ้นอยู่กับขนาดไฟฟ้าที่เลือกใช้ มีตั้งแต่ขนาด 3.7 kW, 7.4 kW, 11 kW และ 22 kW ช่วงราคาจะอยู่ที่ 10,000 - 100,000 บาท
2. ค่าเพิ่มขนาดมิเตอร์ สำหรับบ้านที่อยู่ในกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ จะต้องติดต่อการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ซึ่งจะมีค่าตรวจสอบอยู่ที่ 700 - 2,500 บาท ส่วนบ้านที่อยู่นอกเหนือจาก 3 จังหวัดนี้ ให้ติดต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีค่าตรวจสอบอยู่ที่ 700 - 1,500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดมิเตอร์ต้องการจะเพิ่ม
3. ค่าเดินสายเมนเส้นที่ 2 ค่าติดตั้งอุปกรณ์ และค่าวางระบบไฟไหม้ มีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการที่เลือก โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10,000 บาทขึ้นไป

Reference:
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
คณะกรรมการพลังงาน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
Techsauce
Factomart
Energy5yourway
One2car.com